Sino Thai Trade

บทความพิเศษ จากการลงพื้นที่ของโครงการวิจัย “โครงการการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย: ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

เผยแพร่เมื่อ Feb 12, 2025 | จำนวน 14 ครั้ง


ประเด็น โอกาสและความท้าทาย ในระเบียงเศรษฐกิจอีสาน และเศรษฐกิจ จีน ลาว ไทย

ภายใต้“โครงการการศึกษาและพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทย: ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” 

Special Article: Insights from Field Visits of the Research Project

งานวิจัยนี้จะลงเก็บข้อมูลบริบทพื้นที่ สถานการณ์ ข้อมูลพื้นฐานระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern economic corridor: NEEC baseline) ห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่ในรูปแบบเดิม และห่วงโซ่อุปทานรูปแบบใหม่ (Potential supply chain) และภาพรวมโครงการการพัฒนา (Development project) ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจในพื้นที่จีน-ลาว-ไทย ทั้งทางตรง และทางอ้อม นอกจากนี้ยังศึกษาถึงภาคีที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนในพื้นที่ และลำดับความสำคัญด้านการลงทุน (Priority ranking) รวมไปถึงข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานที่จะสามารถสร้างความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทยร่วมกันที่สามารถยกระดับคุณค่า และการยกระดับรายได้ในพื้นที่ เพื่อการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายและการลงทุนระหว่างระเบียงเศรษฐกิจจีน-ลาว-ไทยได้ในอนาคต

การเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาวได้สร้างโอกาสและความท้าทายสำหรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย (อีสาน) ดังนี้:

โอกาส:

  1. การค้า: เส้นทางรถไฟช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งสินค้าไปยังจีน โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน ซึ่งมีประชากรราว 50 ล้านคน สินค้าเกษตรและผลไม้จากอีสาน เช่น ทุเรียน มังคุด และลำไย มีศักยภาพในการส่งออกสูง 

  2. การท่องเที่ยว: การเดินทางที่สะดวกขึ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทย ลาว และจีน นักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางมาเยือนภาคอีสานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น 

  3. การลงทุน: โครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นดึงดูดการลงทุนจากจีนและประเทศอื่น ๆ ในภาคอีสาน โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมการผลิต 

ความท้าทาย:

  1. การแข่งขันจากสินค้าจีน: สินค้านำเข้าจากจีนอาจเพิ่มการแข่งขันกับสินค้าท้องถิ่นของไทย ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด 

  2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: การเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากลาวเข้าสู่ไทยยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2573 ซึ่งล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้เกือบสิบปี 

  3. การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ: ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จำเป็นต้องพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด 

  4. การเตรียมความพร้อมและการปรับตัวของภาคอีสานจะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากโอกาสและเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย